ความสะอาดกับมวลมนุษย์เป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะยุคใดมนุษย์ก็เรียนรู้ที่จะรักษาความสะอาดโดยเฉพาะความสะอาดหลังการทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่ด้วยภูมิอากาศ วัฒนธรรม ตลอดจนความเชื่อทางศาสนา ทำให้วิธีการทำความสะอาดแตกต่างกันออกไป โดยผู้คนทั่วโลกมีวิธีทำความสะอาดทั้งแบบ “เปียก” ด้วยสายฉีดชำระหรือด้วยการใช้น้ำ และแบบ “แห้ง” ด้วยการใช้กระดาษชำระ ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองวิธีนี้ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ความสะอาดและสุขอนามัยหลังจากทำธุระส่วนตัวนั่นเอง
ทำไมคนเอเชียถึงใช้สายฉีดชำระ แต่ชาติตะวันตกถึงใช้กระดาษทิชชู
สภาพอากาศถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อรูปแบบการทำความสะอาดของแต่ละชนชาติ กระดาษชำระ หรือกระดาษทิชชู (Tissues) จึงเป็นวิธีทำความสะอาดที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศที่มีอากาศหนาวอย่างโซนทวีปยุโรป และอเมริกา เนื่องด้วยอากาศที่หนาวเย็นและแห้ง ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องความอับชื้นภายใต้ร่มผ้า จึงไม่นิยมใช้น้ำในการทำความสะอาด เพราะน้ำนั้นเย็นเกินไป ใช้เพียงแค่กระดาษชำระก็เพียงพอ
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระดาษชำระเป็นที่นิยมในประเทศเขตหนาวอย่างสหรัฐอเมริกาเป็นเพราะว่าผังห้องน้ำในอเมริกาไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการติดตั้งสายฉีดชำระ และคนอเมริกันส่วนใหญ่ก็เติบโตมาพร้อมกับกระดาษชำระทำให้ผู้คนเหล่านี้ไม่ทราบว่ามีวิธีการทำความสะอาดแบบอื่นที่ดีกว่าการใช้กระดาษทิชชูเสียอีก
ด้วยสภาพอากาศที่แตกต่างกันรูปแบบการทำความสะอาดของผู้คนฝั่งตะวันตกจึงมีความแตกต่างจากคนในทวีปเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากอากาศที่ร้อนชื้นที่ทำให้เกิดปัญหาอับชื้นได้ง่ายกว่า การใช้กระดาษชำระจึงไม่ค่อยตอบโจทย์คนในภูมิภาคนี้เท่าไรนัก อีกทั้งการใช้สายฉีดชำระยังช่วยให้รู้สึกสะอาดมากกว่าอีกด้วย
พัฒนาการของการทำความสะอาดหลังทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
Credit: Fubar Obfusco, “Ancient Roman latrines in Ostia Antica”, url: https://en.wikipedia.org/wiki/Xylospongium#/media/File:Ostia-Toilets.JPG
หากจะพูดถึงจุดเริ่มต้นของการรักษาสุขอนามัยของมนุษย์คงต้องย้อนกลับไปในยุคของจักรวรรดิโรมันเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว เพราะนอกจากการจัดการน้ำที่ดีแล้วชาวโรมันยังให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดหลังทำธุระหนัก โดยในยุคโรมันนี้มีอุปกรณ์ที่ชื่อว่า Xylospongium ซึ่งมีลักษณะเป็นฟองน้ำเสียบไม้สำหรับทำความสะอาดหลังทำธุระส่วนตัวและนำฟองน้ำล้างในทางน้ำเล็ก ๆ ภายในห้องน้ำ ถือเป็นยุคแรกที่มีการทำความสะอาดอย่างเป็นระบบ
Xylospongium
Credit: D. Herdemerten, “Xylospongium”, url: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Xylospongium.jpg
จุดเริ่มต้นของการเกิดสายฉีดชำระในห้องน้ำ
สำหรับการทำความสะอาดด้วยสายฉีดชำระที่ใช้กันในประเทศไทยนั้นมีจุดเริ่มต้นจากชาวมุสลิมในแถบตะวันออกกลางและเอเชียใต้ มีชื่อเรียกตามภาษาถิ่นว่า “Shattaf” มีลักษณะเป็นสายฉีดชำระคล้ายกับที่เห็นในปัจจุบัน ถูกคิดค้นตามความเชื่อทางศาสนาอิสลามที่ต้องใช้น้ำล้างทำความสะอาด อีกทั้งยังสะดวกสบายสำหรับผู้ที่สวมชุดท้องถิ่นที่มีชายผ้ายาวอีกด้วย
ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมการใช้น้ำของฝั่งตะวันออกจะเริ่มขึ้นก่อนฝั่งตะวันตกนับหลายร้อยปี แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่ภูมิภาคนี้เท่านั้นที่พยายามคิดค้นวิธีทำความสะอาดด้วยน้ำ ในปี ค.ศ.1710 อุปกรณ์ที่มีชื่อว่า “Bidet” (บิ-เด) ได้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส Bidet เป็นอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดที่มีรูปร่างคล้ายกับโถสุขภัณฑ์ แต่มีก๊อกน้ำสำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะ Bidet จะถูกติดตั้งไว้ข้างโถสุขภัณฑ์ โดยผู้ใช้งานต้องย้ายที่นั่งจากโถสุขภัณฑ์มาล้างทำความสะอาดที่ Bidet
ในช่วงศตวรรษที่ 19 Bidet ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มชนชั้นสูงของยุโรป ในช่วงแรก Bidet จะตั้งอยู่ในห้องนอน แต่หลังจากการพัฒนาระบบประปาที่ดีมากยิ่งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ถึง ศตวรรษที่ 20 Bidet จึงได้ถูกย้ายเข้าไปไว้ในห้องน้ำอยู่คู่กับโถสุขภัณฑ์ในที่สุด
จุดเริ่มต้นของการเกิดกระดาษชำระ หรือ ทิชชู (Tissues) ที่ใช้กันในปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์การทำความสะอาดไม่ได้มีเพียงการใช้น้ำเท่านั้น เมื่อปี ค.ศ.1857 นักธุรกิจชาวอเมริกันชื่อว่า โจเซฟ กาเย็ตตี้ ได้ผลิตกระดาษชำระ หรือทิชชู (Tissues) ออกมาจำหน่ายแต่ก็ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากผู้คนไม่อยากเสียเงินซื้อกระดาษที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง จนในปี ค.ศ.1877 พี่น้องตระกูลสก็อตได้พัฒนากระดาษชำระแบบม้วนและมีรอยปรุที่ใช้ได้สะดวกมากกว่าจนกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในที่สุด
มาถึงพัฒนาการทำความสะอาดที่สะดวกสบายด้วยฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET
“ฝารองนั่งอัตโนมัติ” พัฒนาการอีกขั้นที่ช่วยป้องกันความสกปรกและแบคทีเรีย
แม้ว่าสายฉีดชำระและกระดาษชำระจะเป็นอุปกรณ์หลักในการทำความสะอาดของคนทั่วโลก แต่ TOTO บริษัทผู้ผลิตสุขภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาการทำความสะอาดไปสู่อีกขั้นจนเป็นที่มาของ “ฝารองนั่งอัตโนมัติ” ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ WASHLET ซึ่งได้ออกจำหน่ายครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1980 หรือเป็นเวลากว่า 40 ปีมาแล้ว นับได้ว่าเป็น 1 ในก้าวสำคัญที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของการทำความสะอาดหลังจากการใช้ห้องน้ำ ไม่เพียงแต่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยสนับสนุนให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนจากการ “เช็ด” เป็น “ล้าง” (WASH not WIPE) ภายในฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET จะมีระบบฉีดชำระอยู่ในตัวฝารองนั่ง ซึ่งควบคุมการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายฟังก์ชัน ผ่านแผงควบคุมหรือรีโมทคอนโทรล ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องสัมผัสกับสายฉีดชำระโดยตรงซึ่งมักเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค รวมถึงไม่จำเป็นต้องเอี้ยวตัวเพื่อไปหยิบสายฉีดชำระ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ตลอดจนผู้พิการ อีกทั้งยังมีระบบลมเป่าแห้งที่ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษชำระ เป็นการประหยัดทรัพยากรและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้กระดาษชำระภายในห้องน้ำก็อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ดังนั้นระบบการทำความสะอาดรวมไปถึงระบบลมเป่าแห้งของฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET จึงไม่เพียงแค่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายแต่เพียงอย่างเดียว หากช่วยให้คุณมีสุขอนามัยที่ดีในการใช้ห้องน้ำอีกด้วย
ปัจจุบันฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ภาพจำ” หรือ “ภาพลักษณ์” ของการใช้ห้องน้ำในประเทศญี่ปุ่นซึ่งหลายคนคุ้นตากันเป็นอย่างดีเท่านั้น หากยังเป็นการส่งต่อวัฒนธรรมนี้ไปอีกหลายประเทศทั่วโลก นับจาก WASHLET วางจำหน่ายครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน มียอดขายรวมทั่วโลกทั้งสิ้นกว่า 50 ล้านชิ้น เป็นการการันตีความสำเร็จและตอกย้ำถึงความนิยมในฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ได้เป็นอย่างดี
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดีในการใช้ห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดด้วยกระดาษทิชชู การทำความสะอาดด้วยน้ำโดยใช้สายฉีดชำระ หรือการใช้ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าสุขอนามัยในห้องน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญต่อมนุษย์มากเพียงใด และในอนาคตเทคโนโลยีด้านความสะอาดภายในห้องน้ำย่อมมีการพัฒนาต่อไป เพื่อให้ตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
สามารถเลือกชมสินค้า WASHLET ได้ที่นี่ คลิก
ที่มา
>> https://mover.in.th/m-article/history-bidet-shower/ >> https://www.mangozero.com/shower-spray-toilet/ >> https://www.silpa-mag.com/history/article_33371 >> https://www.biorelief.com/blog/history-of-the-bidet-as-we-know-it-and-advantages >> https://www.bidet.org/blogs/news/history-of-the-bidet >> https://www.businessinsider.com/bidets-better-than-using-just-toilet-paper-2019-9 >> https://jp.toto.com/history/en/challenge/05/
>> https://mover.in.th/m-article/history-bidet-shower/
>> https://www.mangozero.com/shower-spray-toilet/
>> https://www.silpa-mag.com/history/article_33371
>> https://www.biorelief.com/blog/history-of-the-bidet-as-we-know-it-and-advantages
>> https://www.bidet.org/blogs/news/history-of-the-bidet
>> https://www.businessinsider.com/bidets-better-than-using-just-toilet-paper-2019-9
>> https://jp.toto.com/history/en/challenge/05/
We use cookies to improve performance. and good experience in using your website You can study the details at Cookies policy and you can manage your own privacy by clicking Cookie settings
You can choose cookie settings by on/off. Cookies of each type are available on request, except for essential cookies.
Types of cookies are necessary for the operation of the website. so that you can use it normally and visit the website You cannot disable this cookie on our website.
These cookies store information about your use of the website. so that we can measure, evaluate, improve and develop the content of our products/services and our website to enhance your experience of using the website. If you do not consent to our use of these types of cookies We will not be able to measure, evaluate and develop the Website.